BUILDING COMPETITIVE ADVANTAGE FOR GUEST HOUSE BUSINESS IN MUANG DISTRICT, CHIANGMAI

Abstract

The main objective of this research was to study how to build competitive advantage for guest house business in Muang district, Chiangmai. This quantitative research was used to collect data by questionnaire from 181 guest house entrepreneurs in Muang district, Chiangmai. The data were then analyzed by means of descriptive statistics, frequency, percentage, mean and standard deviation as well as inferential statistics for a hypothesis testing.

It was found that the competition in guest house business in Muang, Chiangmai was high and bargaining power was low. Therefore, more competitive advantage strategies were used for the competition. Differentiation strategy was used for value-added products and services the most. As for cost leadership, it was found that their service prices were set to suit best their target customers. Besides, as for quick response strategy, it was found that there were a multi-channel communicaition, for example, using telephone and facebook. Based on the result of a hypothesis testing was found that the marketing mix (7P’s) of the entrepreneurs yielded a significant effect on their differentiation strategies, cost leadership strategies and quick response strategies.

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจเกสต์เฮ้าส์ ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ งานวิจัยเชิงปริมาณนี้ผู้ศึกษาได้ดำเนินการศึกษาข้อมูลโดยได้มีการใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มผู้ประกอบการเกสต์เฮ้าส์ ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 181 ราย และทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติเชิงอนุมานในการทดสอบสมมติฐานการวิจัย

ผลการศึกษาพบว่าธุรกิจเกสต์เฮ้าส์ ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่มีสภาพการแข่งขันที่สูงและทำให้มีอำนาจต่อรองได้น้อย มีการใช้กลยุทธ์การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยด้านกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างพบว่ามีการใช้ด้านการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการในการบริหารธุรกิจมากที่สุด ด้านกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน พบว่ามีการกำหนดราคาให้มีความสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มาพักแรม และด้านกลยุทธ์การตอบสนองที่รวดเร็ว พบว่ามีการติดต่อสื่อสารหลายช่องทาง เช่น โทรศัพท์ เฟซบุ๊ค เพื่อความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจเหนือกว่าคู่แข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ผลการทดสอบสมมติฐานยังสนับสนุนสนุนว่าส่วนผสมทางการตลาด (7P’s) ของผู้ประกอบการมีผลต่อกลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน และกลยุทธ์การตอบสนองที่รวดเร็ว